Beside You - นิยาย Beside You : Dek-D.com - Writer
×

    Beside You

    ผู้เข้าชมรวม

    62

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    62

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  1 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  1 ม.ค. 57 / 09:03 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    INTRO

     

    You may only be one person to the world

    But you may also be the world to one person

    คุณอาจจะเป็นแค่คนหนึ่งคนบนโลกนี้

    แต่คุณอาจเป็นโลกทั้งใบของคนหนึ่งคน

     

    ---------------------------------------------------

    “ฝากหน่อยนะจ๊ะ แพคฮยอน”

    เพื่อนนักเรียนหญิงยิ้มให้ผมก่อนเธอจะเดินออกจาห้องไป   มันไม่ใช่หน้าที่ผมนะแต่ว่าตอนนี้มันกลายเป็นหน้าที่ผมไปแล้วล่ะ ตอนไหนก็ไม่รู้

    “เยอะจังแหะ”

    ผมบ่นกับตัวเองก่อนจะก้มลงไปยกกองสมุดการบ้านขึ้นมา   เอาล่ะผมหวังว่ามันคงจะไม่หล่นหน้าประตูเหมือนทุกวันหรอกนะ ผมภาวนาให้เป็นแบบนั้น

    ครืด~

    เสียงเลื่อนประตูดังขึ้นพร้อมกับผมที่กำลังจะเอื้อมมือ (ที่เต็มไปด้วยสมุด) ไปเปิด  เจ้าของใบหน้าสุดสมบูรณ์แบบมองผมก่อนจะเปิดกระเป๋าแล้วหยิบเอาสมุดออกมารวมกับกองสมุดที่ผมอุ้มไว้ในมือ

    “แพคฮยอน ขอบคุณนะ”

    เซฮุนบอกก่อนจะเดินหันหลังออกไป   เขามาเพื่อที่จะเอาการบ้านมาส่งแค่นี้สินะ  จริงๆผมควรจะทำใจได้แล้วแต่ว่ามันไม่ใช่หน้าที่ผมน้า~

    ผมออกมาจากห้องเรียนโดยที่ไม่ลืมจะสะพายเป้นักเรียนและไม่ลืมที่จะหอบกองสมุดกองโตนี่ไปส่งด้วย  แล้วก็เหมือนพระเจ้าจะแกล้งผมเหลือเกิน เมื่อมีนักเรียนรุ่นน้องสองคนกำลังวิ่งไล่กันมาทางนี้  ไม่นะ

    พลั่ก!

    ตุ้บ!

    กองสมุดการบ้านหล่นฮวบออกจามือผมพร้อมกับร่างของผมที่ล้มไปพร้อมกับกองสมุดนั้น  แถมเจ้าตัวต้นเหตุสองคนนั้นก็วิ่งหายไปไม่มีแม้แต่จะขอโทษ

    “วันซวยๆจริง”

    ผมบ่นกับตัวเองพร้อมกับเก็บสมุดมาถืออีกครั้ง  ผมทำทุกอย่างอย่างทุลักทุเล มันหนักใช่เล่นเลยนะแล้วผมก็ใช่ว่าจะแรงเยอะด้วย แถมโดนชนแบบนั้นมันเลยทำให้ข้องเท้าผมพลิกเลยล่ะ วันนี้ลู่หานเพื่อนรักของผมยังไม่มาเรียน อะไรมันจะแย่ไปกว่านี้อีกนะ

    “นี่ๆ ชานยอลห้อง B นี่หล่อมากเลยเนาะ”

    เสียงนักเรียนหญิงพูดคุยกันระหว่างที่ผมยกกองสมุดไปส่งที่ห้องพักครู  จริงๆคนที่ชื่อชานยอลอะไรนั่นกลายเป็นหัวข้อพูดคุยไปทั่งทั้งโรงเรียนตั้งแต่วันแรกที่เขาย้ายเข้ามาแล้วล่ะ  แถมหมอนั่นยังอยู่ห้องเดียวกับผมอีก  แต่ผมไม่สนใจเขาหรอกนะ ถึงจะอยู่ด้วยกันมาเกือบหนึ่งเทอมแล้วก็เถอะ

    ครืด~

    ผมดันประตูห้องพักครูออกก่อนจะเดินเอากองสมุดไปวางไว้บนโต๊ะของครู  แต่ยังก้าวไม่พ้นประตูผมก็ได้ยินเสียงครูคนหนึ่งกำลังตักเตือนเด็กอยู่ ผมใครเขาจะสนใจฟังกันล่ะ  ผมต้องรีบกลับไปเยี่ยมลู่หานที่ไม่สบายอยู่ที่บ้าน

    ผมเดินออกจากโรงเรียนอย่างไม่รีบร้อน  ผมเดินผ่านสนามฟุตบอลด้วยความเคยชินว่าทุกวันผมจะมานั่งรอลู่หานเล่นเล่นฟุตบอล  แต่วันนี้มันไม่ใช่เพราะฉะนั้นผมจึงได้แค่มองและเดินผ่านไป

     

     

     

       ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องสมุดและต้องทำบทสรุปวิชาที่เรียนมาทั้งหมดให้ได้ภายในวันนี้  แต่ให้ตายเหอะ! นักเรียนหญิงกลุ่มนั้นน่ะ  เมื่อไหร่พวกเธอจะหยุดพูดคุยกันเสียงดังสักทีนะ   นี่มันห้องสมุดนะไม่ใช่ตลาดสดนะ

    “ชานยอลห้อง B หล่อจริงๆเลย  เมื่อวานเขาเท่มากๆเลยตอนอยู่ที่สนามฟุตบอลนั้นน่ะ”

    ไม่พ้นจริงๆด้วย  ผู้ชายที่ชื่อปาร์ค  ชานยอลนั้น  เขาเพิ่งย้ายมาเรียนที่นี่เมื่อตอนต้นเทอม  วันแรกที่ย้ายมาเขาก็ดังระเบิดเลยล่ะ  แต่ถึงผมจะอยู่ห้องเดียวกับเขามาเกือบจะหนึ่งเทอมแล้วก็ตาม  แต่ผมยังไม่เคยคุยกับเขาเลยนะ  แค่เดินผ่านยังแทบจะนับครั้งได้เลย  เพราะอะไรน่ะเหรอ

    ก็เพราะผมนั่งอยู่หน้าห้องก็ต้องเข้าประตูหน้า   ส่วนเขานั่งอยู่แถวติดหน้าต่างหลังห้อง  ก็ต้องเข้าประตูหลังอยู่แล้ว  เลยทำให้เขากับผมแทบจะไม่รู้จักกันเลย

    “เฮ้!!!  นายเด็กเรียนห้อง B”

    ผมสะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ดีๆ    ผู้ชายผิวขาวเนียนก็เลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ผม  นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมอยู่ใกล้คนอื่นขนาดนี้  (ลู่หานข้อยกเว้น)  ผมผงะและเขยิบถอยห่างอย่างตกใจ

    “ฉันจำนายได้  นายอยู่ห้องฉันนี่  ใช่มั้ย”

    เขาบอกพลางขมวดคิ้วสวยๆ นั้นเข้าหากัน ผมพินิจมองใบหน้าของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ   เขาดูดีมาเลยทีเดียว ทุกอย่างบนใบหน้าเขาช่างสมบูรณ์แบบจริงๆ

    “นายเป็นใบ้เหรอ”

    เขาถามพลางยื่นหน้าเขามาใกล้   จมูกนายจะชนจมูกผมอยู่แล้วนะ

    “นายใช้ปากไม่เป็นหรือไง”

    “เอาหน้าคุณออกไปนะ”

    ผมบอกพลางผลักใบหน้าเขาให้ห่างจากหน้าผม     เขาชักสีหน้าไม่พอใจแล้วพูดว่า

    “ทำเป็นรังเกียจ  แต่ช่างเถอะเอาเป็นว่าคาบบ่ายนายช่วยเช็คชื่อให้ฉันด้วย”

    “แล้วทำไมผมต้องทำแบบนั้น”

    “ก็เพราะนายอยู่ห้องเดียวกับฉันยังไงล่ะ   นายคิดว่าฉันจะฝากยัยพวกปากหอยปากปูนั่นหรือไง”

    “งั้นเหรอ”

    “งั้นเหรอ  หมายความว่ายังไง”

    เขาถามพลางยื่นหน้าเขามาใกล้ผมอีก   ให้ตายเถอะผู้ชายคนนี้ดูดีชะเลย

    “เราไม่เคยคุยกันเลยนะ”

    เขามองผมด้วยสีหน้าประหลาดๆ   ก็มันเป็นความจริงนี่  คนไม่เคยคุยกัน  ไม่สนิทกันจู่ๆจะให้มาเช็คชื่อให้  มันก็แปลกๆนะ

    “โอเค! นายเด็กเรียน  นายอาจจะน้อยใจที่ฉันไม่คุยกับนายเลยตั้งแต่ฉันย้ายมา  แต่ฉันจำนายได้นะ  เห็นมั้ย เราหายกันแล้ว  เพราะฉะนั้นนายเลิกเสียใจซะ  แล้วก็ฝากเซ็นชื่อให้ฉันด้วย  ปาร์ค  ชานยอลเลขที่สิบ”

    พอเขาพูดจบปุบก็กอดคอเพื่อนแล้วหายตัวไปจากห้องสมุดทันที  ผมรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้คุยกับเขางั้นเหรอ  หมอนั่นเขาพูดอะไรของเขาน่ะ

     

    วันต่อมา

    “นายเด็กเรียน!!”

    ผมสะดุ้งเฮือกกับเสียงเรียก  แต่ผมก็เริ่มชินแล้วล่ะที่ใครๆ ต่างก็พากันเรียกผมแบบนั้น  มันเป็นฉายาที่ผมได้มาตั้งแต่เข้าเรียนใหม่ๆ  ไม่แปลกอะไรหรอกเพราะผมเป็นนักเรียนดีเด่นสองปีซ้อน แถมยังเป็นที่ทำเกรดเฉลี่ยได้สูงที่สุดในโรงเรียน

    แต่ที่แปลกคือทำไมผู้ชายคนนี้ถึงต้องตะโกนเสียงดังด้วยนะ

    “อะไรกัน  ชานยอลเรียกแพคฮยอนงั้นเหรอ”

    “ไปรู้จักกันเมื่อไหร่  ชานยอลเขาไม่เคยเรียกฉันด้วยซ้ำ”

    ผู้หญิงพวกนี้นี่ท่าจะไปกันใหญ่แล้ว   เมื่อผมหันหลังไปมองหาต้นตอของเสียงก็พบนายสุดหล่อที่เดินตรงมาหาผม  แต่สีหน้าของเขานั้นราวกับอยากจะจับผมแยกร่าง

    “เมื่อวานฉันบอกนายว่ายังไงฮะ!!!”

    “คุณบอกผมเรื่องอะไร”

    “เรื่องที่ฉันบอกให้นายเช็คชื่อให้!!”

    อ่อ  เรื่องนั้นเอง   ผมไม่ได้เช็คชื่ออะไรให้ใครทั้งนั้นล่ะ

    “รู้มั้ยว่ายัยป้าแก่นั้นเรียกฉันไปด่าและสั่งงานฉันเพิ่มเป็นสามเท่าเพราะฉันไม่เข้าเรียนคาบนั้น!!!”

    “แล้วคุณจะโวยวายทำไมล่ะ  คุณโดดเรียนเองนะ”

    “วะว่าไงนะ!!!”

    โดดเรียนก็ต้องได้รับโทษแบบนั้น   ไม่มีใครใส่ร้ายคุณสักหน่อย”

    “แต่แค่นายเช็คชื่อให้ฉัน  เรื่องมันก็ไม่เกิด”

    “แล้วเหตุผลล่ะ  เหตุผลที่ผมต้องเช็คชื่อให้นายน่ะ”

    “ผมพูดอะไรผิดงั้นเหรอ”

    “นายท้าทายฉันใช่มั้ย”

    “ผมเปล่านะ  ผมแค่พูดตามความจริง  นายนั้นแหละที่ไม่มีเหตุผล”

    “เหตุผลอะไร  แค่เช็คชื่อให้มันจำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยหรือไง”

    “ใช่   เพราะผมกับนายเราไม่ได้รู้จักกัน”

    “ได้  นายเล่นแบบนี้ใช่มั้ย”

    คนตรงหน้ามองผมราวกับผมไปฆ่าญาติเขามางั้นแหละ   ทุกคนก็เห็นว่าเขาผิดเต็มๆ  ไม่ใช่ผมสกหน่อยที่ผิด

    “นายได้รู้จักนรกเร็วๆ นี้ล่ะนายเด็กเรียน”

    พอพูดจบเขาก็ทำสีหน้าเหี้ยมเกรียมใส่ผม   ผมอยากขยับหนีแต่เขากลับดึงผมเข้าไปใกล้แล้วโอบไหล่ผมไว้   เพื่อนในห้องต่างมองเราด้วยสีหน้าตกตะลึง

    “ต่อไปนี้  นายเด็กเรียนคนนี้เป็นแฟนฉัน  กระจายข่าวให้รู้ทั่วกัน”

    “นายทำบ้าอะไรน่ะ!”

    ผมหันไปตะคอกใส่คนข้างๆ   เขาบอกว่าผมเป็นแฟนเขางั้นเหรอ  นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย

    “หึ  ตั้งใจเรียนได้แล้วคุณแฟนที่รัก”

    ชานยอลพูดแค่นั้นก็เดินกลับไปที่โต๊ะเรียนของเขา    เพื่อนๆในห้องต่างมองผมอย่างตกตะลึง   มันก็ตึกตะลึงไม่ต่างจากเพื่อนๆหรอกนะ  นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันนนนนนนน

     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น